รถจักรยานยนต์ Yamaha YZF-R3 นับว่าเป็นสปอร์ตไบค์ที่มีดีกรีความแรงได้ใจผู้ขับขี่ทุกกลุ่ม สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ได้ตั้งแต่การขับขี่ในชีวิตประจำวัน ท่องเที่ยวไปจนถึงการขับขี่แข่งขันอย่างเช่นในรุ่น Yamaha R3 Thailand Challenge Cup ที่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสมรรถนะของ YZF-R3 นั้นถูกให้มาเต็มพิกัดจริงๆ จากสมรรถนะเครื่องยนต์ Yamaha YZF-R3 มีสเปคเดิมๆ จากโรงงานออกมาแบบ 2 กระบอกสูบ 4 จังหวะ 4 วาล์ว DOHC ปริมาตรกระบอกสูบ 321 ซีซี. มีระยะชักของกระบอกสูบที่ 68.0 mm x 44.1 mm ให้อัตราการอัดที่ 11.2 : 1 ให้กำลังสูงสุดที่ 30.9 กิโลวัตต์ 42 แรงม้าที่ 10,750 รอบต่อนาที มีแรงบิดสูงสุดที่ 29.6 นิวตันเมตร 3.0 กิโลเมตร ที่ 9,000 รอบต่อนาที จ่ายเชื้อเพลิงผ่านระบบ Fuel Injection ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ Constant Mesh, 6-speed ใช้เฟรมแบบ Diamond ช็อคอัพหน้าใช้แบบ เทเลสกอปิค ฟอร์ค ขนาด 41 มม. ระยะยุบ 130 มม. และช็อคอัพหลังแบบสวิงอาร์ม monoshock มีระยะยุบ 125 มม.
การโมฯ หรือการปรับแต่ง Yamaha YZF-R3 ถือว่าเป็นอีกขั้นความท้าทายของช่างเทคนิคที่จะขยับฝีมือตนเองขึ้นมาอีกระดับ เพราะ YZF-R3 นั้นมีความซับซ้อนขึ้นมาอีกขั้นจากพิกัดอย่าง 150 ซีซี. ที่มีเครื่องยนต์เพียง 1 สูบ ทำให้ข้อมูลพื้นฐานสำหรับช่างเทคนิคที่เพิ่งเข้ามาจับเครื่องยนต์ YZF-R3 นั้น ต้องมีการเก็บข้อมูลใหม่หลายๆ อย่าง ซึ่งนั้นนับเป็นการสั่งสมประสบการณ์ที่คุ้มค่า แต่สำหรับผู้ที่จับเครื่อง 321 ซีซี. มาบ้างแล้ว เรามีประสบการณ์ของ “คุณเจิด” ช่างเทคนิคที่เรียกได้ว่าทำรถสนามลงแข่งมาอย่างโชกโชนและยินยอมเปิดเผยข้อมูลสำคัญๆ สำหรับเทคนิคการโมฯ YZF-R3 เพื่อให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ได้อ่านเป็นแนวทางในการนำไปใช้พัฒนาเทคนิคของตนเอง ขอบคุณ “คุณเจิด” สำหรับบทความที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ครับ…
…แนวทางในการปรับแต่ง YZF-R3 และเทคนิคที่นักโมฯ พอจะใช้เป็นแนวทางในการปรับแต่งต่อยอดต่อไปนั้น เราจะให้ความสำคัญอยู่ที่เรื่องการจูนอัพเครื่องยนต์, การตั้งค่าองศาแคมชาร์ฟ, การวัดซีซีเบ้าฝาสูบ ,การปรับแต่งช่องพอร์ท,การเลือกใช้ท่อไอเสีย, ระบบป้อนอากาศ เป็นต้น ซึ่งสำหรับผู้ที่เพิ่งจะเริ่มต้นจับเจ้า YZF-R3 และคิดจะทำให้มันเร็วขึ้น ผมแนะนำให้เริ่มที่การเปลี่ยนท่อไอเสีย และฝึกจูนอัพกล่องควบคุมให้มีความละเอียดและสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อน โดยเราจะไม่เข้าไปยุ่งในเรื่องขององศาจุดระเบิดเลย เพราะมันจะอันตรายมากสำหรับนักโมฯ มือใหม่ มันจะมีข้อเสียมากกว่าข้อดี ทั้งนี้เพราะการกำหนดองศาจุดระเบิดนั้นจะต้องใช้เวลาทดสอบและเก็บข้อมูลนานมาก กว่าจะได้ผลเป็นที่น่าพอใจหรือลงตัวกับรถคันหนึ่งๆ และสามารถสรุปเป็นข้อมูลที่เรียกว่า “สูตร” ได้ ซึ่งหากเราไปยุ่งหรือเพิ่มองศาจุดระเบิดจะโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม ความเสี่ยงที่เครื่องยนต์จะเสียหายอย่างรวดเร็วนั้นสูงมาก ด้วยเพราะรถจักรยายนต์ที่มีเทคโนโลยีระดับนี้มันอ่อนไหวมากกับค่าที่ผิดเพี้ยนไปเพียงเล็กน้อย อย่าง YZF-R3 เพียงแค่ท่านใช่ท่อไอเสียที่ออกแบบมาอย่างดี และจูนอัพน้ำมันให้ลงตัว ก็สามารถเพิ่มแรงม้าแรงบิดได้ถึงประมาณ 30% (ในย่านก่อนแรงม้าสูงสุด) เลยทีเดียว ดังนั้นการเข้าไปยุ่งเรื่องขององศาจุดระเบิดโดยไม่ได้ศึกษามาก่อนนั้นเป็นเรื่องที่ถือว่า “ผิด” ครับ
เทคนิคหนึ่งที่นิยมใช้และได้ผลกับรถสนามที่ลงสนามจริงก็คือการติดตั้งระบบ “Ram Air” หรือ ท่อดักอากาศนั่นเองครับ ซึ่งจริงๆ แล้ว Ram Air จะเป็นท่ออากาศที่อยู่ด้านในตัวรถ แต่จะมีจุดที่คอยดักรับเอาอากาศอยู่บริเวณหน้ารถ ส่วนจะเป็นตรงกลาง ด้านข้าง หรือตรงไหนก็สุดแล้วแต่จะออกแบบกันครับ โดยการทำงานของ Ram Air จะทำหน้าที่ช่วยดันอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ ให้รวดเร็วขึ้น ซึ่งอากาศที่เข้ามาทางช่องทางของ Ram Air จะมีความหนาแน่นของอากาศมากเนื่องจากอากาศมีอุณหภูมิต่ำกว่าอากาศแถวหม้อกรองที่ได้ความร้องจากเครื่องยนต์ทำให้อากาศบริเวณหม้อกรองมีอุณหภูมิสูงความหนาแน่จึงน้อยกว่าอากาศที่เข้ามาใหม่จาก Ram Air ดังนั้นอากาศที่เข้ามาทางช่อง Ram Air
จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจุดระเบิดให้ดีขึ้น จะช่วยในเรื่องของกำลังเครื่องยนต์ ให้เพิ่มขึ้นในขณะที่ขับขี่ในช่วงความเร็วสูง ซึ่งปกติเมื่ออยู่ในความเร็วสูงๆ กำลังเครื่องยนต์มักจะถอยลง แต่เมื่อเราได้อากาศจากช่อง Ram Air ที่เหมือนอัดอากาศเข้าไปช่วย เครื่องยนต์ก็จะมีกำลังเพิ่มขึ้น และประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของ Ram Air นั่นก็คือ ช่วยในการไหลของอากาศที่ปะทะกับรถจักรยานยนต์ไหลได้อย่างราบลื่น เรียกว่าว่ามีส่วนใน Aerodynamic ของรถก็ว่าได้ครับ แต่เจ้า Ram Air ก็มีข้อควรระวังในการใช้เหมือนกันก็คือ จะต้องมีการปรับเชื้อเพลิงให้เหมาะสมกับการอัดอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงความเร็วสูงให้พอดี เพราะมันสามารถทำให้เครื่องยนต์กำลังเพิ่มขึ้นมาก และหากไม่มีการเซ็ทอัพที่ดีเครื่องยนต์ก็สามารถพังได้ทันที ถึงขั้นแคมชาร์ฟขาด หรือก้านสูบขาดได้เลยครับ
เครื่องมือในการ วัด ซีซีฝาสูบ เพื่อคำนวณค่าอัตราส่วนการอัด และ เพทวัดองศาเพื่อใช้ในการตั้งแคมชาร์ฟ