“รัฐบาล” ชวนแฟน MotoGP ทั่วโลกร่วมนับถอยหลัง 15 วันสู่กรังด์ปรีซ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกบนแผ่นดินไทย พร้อมเปิดตัวโทรฟี่เวอร์ชั่น 2023

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย หน่วยงานภาครัฐ-เอกชน แถลงนับถอยหลังและเปิดตัวโทรฟี่ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังปรีซ์ 2023” หรือถ้วยโมโตจีพี สนามประเทศไทย เลอค่า อร่ามตาด้วยธีมสีทองสุดอิลิแกนซ์ แรงบันดาลใจจากปรากฏการณ์ความยิ่งใหญ่ พระอาทิตย์ขึ้น-ตก ผ่านช่องประตูทั้ง 15 บาน ของปราสาทหิน “พนมรุ้ง” ผสานให้เกิดแรงจูงใจในการท่องเที่ยวเชิงกีฬาอย่างลงตัว พร้อมเผยยุทธศาสตร์ความร่วมมือแบบบูรณาการเน้นการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน รองรับผู้ชมในสนามหลายแสนคน ถ่ายทอดสดความยิ่งใหญ่ 200 ประเทศทั่วโลก สู่ผู้ชม 800 ล้านคน จารึกประวัติศาสตร์โมโตจีพีที่ดีที่สุด และน่าประทับใจที่สุดแก่แฟนความเร็วทั่วโลกอีกครั้ง

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดแถลงข่าวนับถอยหลังก่อนเปิดบ้านเป็นเจ้าภาพการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่อรายการ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023” (OR Thailand Grand Prix 2023)ศึกสองล้อที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ระหว่าง 27 – 29 ตุลาคม 2566 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

11 ตุลาคม 2566 ที่สโมสรราชพฤกษ์ กรุงเทพ : นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้สนับสนุนภาครัฐและเอกชน นำโดย การกีฬาแห่งประเทศไทย, จังหวัดบุรีรัมย์, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กรมการขนส่งทางบก, บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์, บริษัท ทศภาค จำกัด โดยเครื่องดื่มตราช้าง, บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด รวมทั้งสื่อมวลชน อินฟลูเอนเซอร์และผู้สนับสนุนร่วมงานมากมาย

ภายในงานมีพิธีนับถอยหลัง 15 วันสู่การแข่งขันโมโตจีพี รายการ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023” ท่ามกลางการรอคอยของแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยและทั่วโลก กับการเป็นเจ้าภาพปีที่ 4 พร้อมเปิดตัว โทรฟี่ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังปรีซ์ 2023” หรือ “ถ้วยรางวัลโมโตจีพี สนามประเทศไทย” เลอค่า อร่ามตาด้วยธีมสีทองสุดอิลิแกนซ์ ออกแบบโดยอิงรูปแบบจากปรากฏการณ์ความยิ่งใหญ่ “พระอาทิตย์ขึ้น-ตก ผ่านช่องประตูทั้ง 15 บาน” ของปราสาทหิน “พนมรุ้ง” จังหวัดบุรีรัมย์ โดยแสงที่ลอดมาเป็นสีทองและภาพจำ ในความ Unseen และสถาปัตยกรรมฝีมือช่างโบราณที่คนทั่วโลก ต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิต ผสานให้เกิดแรงจูงใจในการท่องเที่ยวเชิงกีฬาอย่างลงตัว

ทั้งนี้ ฝ่ายจัดการแข่งขัน ยังได้จัดทำ Line Official, Website 2 ภาษา ทั้งไทยและอังกฤษ บริการข้อมูลสำคัญด้านต่างๆ โดยนักท่องเที่ยวสามารถสแกน QR Code เช็คข้อมูลที่จำเป็นได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นผังของงาน จุดจอดรถ จุดบริการรถรับส่ง ที่พัก ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว

ปีนี้เรียกได้ว่าจะเป็นปีที่มีความสุขที่สุดของแฟน MotoGP ประเทศไทย เพราะนอกจากจะได้เชียร์นักบิดระดับโลกที่ชื่นชอบ ยังมี “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดยอดฝีมือคนไทยเพียงหนึ่งเดียวที่คว้าแชมป์รุ่นโมโต 2 มาครองสำเร็จได้ถึง 2 ครั้งและในรุ่นโมโต 3 ยังมีทีเด็ด ไวลด์การ์ดจากยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีมอย่าง “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ ให้ได้เชียร์กันอย่างสนุกในโฮมเรซ

นอกจากนี้ยังมี “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ เอ็กซ์โป” ตลอด 3 วัน ฟรี! สำหรับผู้ถือบัตรเข้าชมการแข่งขันทุกประเภท หรือซื้อบัตรแอดมิชชั่น(ADMISSION) ราคา 100 บาทต่อวัน หรือ 3 วัน 200 บาท สามารถผ่านเข้าสู่ลานกิจกรรมสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ร่วมชมคอนเสิร์ต, มวย, ชม ชิมและช้อปสินค้า อาหารอร่อย ของดีของดัง, พาวิลเลียนขนาดยักษ์ของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งมีกิจกรรมต่างๆ เพื่อผู้เข้าชมงานได้ร่วมสนุก อาทิ โออาร์ พาวิลเลียน, พาวิลเลียนของค่ายรถจักรยานยนต์ชื่อดังต่างๆ เช่น ฮอนด้า, ยามาฮ่า ฯลฯ โดยแฟนๆ สามารถเลือกซื้อของที่ระลึกโมโตจีพีต่างๆ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับมอเตอร์ไซค์, สินค้าของตกแต่ง, สินค้ามอเตอร์สปอร์ต , กิจกรรมที่น่าสนใจจากภาครัฐและเอกชน, Meet & Greet นักบิดระดับโลกจากค่ายรถจักรยานยนต์ รวมทั้งร้านค้าต่างๆ มากกว่า 100 ร้าน

แฟนความเร็วซื้อบัตรชมการแข่งขันได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ ส่วนบัตรแอดมิชชั่น(ADMISSION) ซื้อบัตรได้ที่บูธ Allticket หน้างาน วันที่ 27-29 ต.ค. เท่านั้น! ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *