Yamaha Free Go กับวัสสานฤดู…บน “อุทยาน กาญจนบุรี”

เสียงลมไหลผ่านหมวกกันน็อคดังอยู่ไม่ขาดระยะ ขณะที่ Yamaha Free Go ก็กำลังทำความเร็วอยู่บนถนนสายบางเลน แสงสว่างรำไรจากทิศตะวันตกทำให้เห็นถึงกลุ่มเมฆดำปนเทาที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือ “ อุทยาน กาญจนบุรี ” จุดหมายของเราในทริปนี้ และคันเร่งก็ถูกเติมให้เต็มอีกครั้ง Yamaha Free Go ทะยานไปข้างหน้าเข้าหากลุ่มเมฆนั้น…

อากาศเย็นขึ้นจนรู้สึกได้หลังจากแยกซ้าย บริเวณ อ.บางเลน  เข้าสู่จังหวัด กาญจนบุรี  ทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ  ทริปนี้  Yamaha Free Go กับผมออกเดินทางจากรุงเทพฯ ตั้งแต่ 05.00 น. ตลอดเส้นทางช่วงต้นยังไม่พบเค้าฝนให้กังวลใจ แต่พอเลี้ยวเขาสู่ถนนมุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติเอราวัณก็พบเมฆฝนกระจายให้เห็นเต็มพื้นที่ และยิ่งเข้าใกล้เขาใหญ่มากขึ้นเท่าใดอากาศเย็นสบายก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น และสิ่งที่ผมสัมผัสได้คือ ‘กลิ่น’ ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า… นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้กลิ่นต้นไม้ กลิ่นของป่าแบบนี้? ครั้งสุดท้ายที่ได้กลิ่นนี้เมื่อไร? และความรู้สึกอิสระบนเบาะมอเตอร์ไซค์บนเส้นทางกลางป่าเขาในอุทยานแห่งชาติเอราวัณนี้นานเท่าใดแล้วที่ไม่ได้สัมผัสมัน?

                         หลังจากติดต่อเจ้าหน้าที่ผ่านเข้าอุทยานเอราวัณ เราต้องเข้าทางเขื่อนศรีนครินทร์ แล้วจึงแยกซ้ายไปน้ำตก เอราวัณ ผมและคู่หู Yamaha Free Go ก็เข้าเขตป่าอนุรักษ์อย่างเป็นทางการ ขับมาในเขื่อนอีกไม่ไกลเราก็จะพบกับ วงเวียนนาฬิกาแดด ตั้งอยู่ด้านซ้ายมือ เป็นสถานที่ที่ นักท่องเที่ยว ต่างมาเยี่ยมชมกันมากมาย เรียกว่าเป็นไฮไลท์เลยก็ได้ เจ้านาฬิกาแดด เป็นประติมากรรมบอกเวลาที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้รำลึกถึงคุณค่าแห่งชีวิต เพื่อให้รู้ว่า “เวลาเป็นสิ่งมีค่า ควรใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่” ผู้ที่จะขึ้นมาที่เขื่อนศรีนครินทร์มักจะแวะถ่ายรูปก่อนขึ้นไปถ่าบรูปที่สันเขื่อน จากนั้นผมจึงเริ่มขยับคันเร่งเพิ่มความเร็วขึ้นอีกเพราะเรากำลังจะขึ้นเขากัน!!!

                        เส้นทางขึ้นเขาใหญ่ช่วงแรกจะค่อนข้างชัน แต่เจ้า Yamaha Free Go ก็ไต่ขึ้นได้แบบคันเร่งยังเหลือ การเข้าโค้งก็สามารถควบคุมรถได้ค่อยข้างดี เพียงแต่ต้องระวังในโค้งบางโค้งเท่านั้นที่มีใบไม้เปียกอยู่ ทั้งช่วงเช้าทางยังชื้นและมีไอน้ำเกาะบนพื้นถนนอยู่ในบางช่วง  ซึ่งในวันนั้นเราก็ได้เจอไก่ป่า เป็นระยะ ที่กำลังหากินคุ้ยเขี่ยรากไม้อยู่ริมถนน เราจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการขับผ่าน พยายามไม่ทำให้เขาตกใจ แต่ดูเหมือนเขาจะชินกับเสียงรถยนต์และผู้คนเสียแล้ว และเช่นกัน… เราก็เหมือนจะคุ้นชินกับรถที่วิ่งกันเป็นประจำ ทำให้สัตย์ต่างๆออกมาหากินอยู่เป็นประจำ ขับมาอีกไม่ไกลก็จะถึงเนินหญ้า ซึ่งบริเวณนั้นเป็นทุ่งหญ้ากว้างทั้งสองข้างทาง มองเห็นด้านหลังเขื่อนศรีนครินทร์  ผมเลยจอดชมทิวทัศน์และสูดโอโซนเข้าปอดให้เต็มที่ก่อนขึ้น Yamaha Free Go ขี่ชมวิวไปแบบไม่รีบร้อน

                        ครั้งก่อนๆ ที่ขับขึ้นเขื่อนศรีนครินทร์  มักจะใช้ความเร็ว สนุกไปกับโค้งบทเส้นทาง …มาครั้งนี้ เมื่อขับขี่ช้าลง ผมพบว่าธรรมชาติสองข้างทางนั้นมีความสวยงามกว่าทุกครั้งที่ความเร็วทำให้ได้แต่ชำเลืองตามอง การที่เราเคลื่อนที่ช้าลง… ทำให้เราได้พบกับหลายสิ่งที่เราตามหา เช่นเดียวกับสังคมเมืองที่เร่งรีบทุกชั่วขณะจิต เพียงแต่เราหยุดเร่งตามสังคม เราก็จะพบกับคนรักเรายืนคอยเราอยู่ที่เดิม…

                        ขับมาไม่ไกลเราก็เลี้ยวขวาที่ทางแยกไปน้ำตกเอราวัณหรือเส้นทางขึ้น – ลงเขื่อนศรีนครินทร์  นั้นเอง และขี่ตรงมาอีกนิดจะเจอกับแยกซ้ายขึ้นเขาไปจุดชมวิว “หม่องกะแทะ” ซึ่งเป็นจุดหมายของผมตั้งแต่ต้น โดยเส้นทางขึ้นไปสู่จุดข้ามแพขนานยนต์ เป็นเส้นทางที่ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก แต่สภาพเส้นทางก็ยังไม่เท่าไร แต่ในบางจุดบนพื้นถนนจะมีถนนขาดบางช่วงและโค้งหักศอก อาจด้วยช่วงนี้เป็นฤดูฝน และบนถนนจุดนั้นมีไม้ใหญ่ปกคลุม ทำให้ความชื้นมีสูงจนตะไคร่ขึ้นจับพื้นถนน ดีที่ไม่ขึ้นในโค้ง ไม่งั้นอันตรายสำหรับสองล้ออย่างเราแน่นอน

                        เรี่ยวแรงของ Yamaha Free Go ยังเหลือเฟือ ไต่ความชันและเข้าโค้งได้ง่ายจนไม่ต้องเหนื่อยใจช่วยลุ้นเลย ทางชันๆ Yamaha Free Go โชว์อัตราเร่งของมันออกมาแบบชิวๆ ระหว่างทางบรรยากาศโดยรอบก็เริ่มเปลี่ยนไป โดยเริ่มมีไอหมอกผ่านเข้ามาให้เราเห็นเรื่อยๆ จนเราไปถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งมีระยะทางไป – กลับ ประมาณ 446 เมตร โดยปัจจุบันทางอุทยานฯ ได้สร้างสะพานไม้แข็งแรงเป็นทางเข้าไปจนถึงจุดชมวิวเลยทีเดียว โดยระหว่างทางก็มีข้อมูล และความรู้ให้เราได้ศึกษากันไปด้วย ใบไม้สองข้างทางเขียวสด ตัดกับสายหมอกสีขาวนวลที่ลอยตามลมเข้ามา บรรยากาศตอนนั้นทำให้ผมจินตนาการถึง ‘สวรรค์’ ได้ง่ายขึ้นมากทีเดียว

                        เมื่อเรามาถึงจุดชมวิว “อุทยานแห่งชาติเอราวัณ” อากาศปิด หมอกปกคลุมเต็มทิวเขา และมีหยดน้ำที่หมอกกลั่นตัวหยดลงมาปรอยๆ อากาศสดชื่น บรรยากาศเย็นสบาย ชนิดที่ว่าคนอยู่ในห้องแอร์ไม่มีทางจินตนาการความเย็นสบายแบบนี้ได้แน่นอน ถึงแม้วันนี้จะไม่ได้ชมวิวอันกว้างไกล แต่ผมกลับรู้สึกพอใจที่ได้เห็นหมอกขาวนวลไหลผ่านตัวเองไปอย่างไม่เร่งรีบ…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *